นั่งรถไฟไปลาว พร้อมบอกขั้นตอนและวิธีการจองตั๋วเที่ยวลาวในมุมใหม่ ๆ
การเดินทางเที่ยวด้วยรถไฟเป็นอีกหนึ่งวิธีเที่ยวที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ อย่างการนั่งรถไฟไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านใกล้ ๆ ที่ลาว นาน ๆ ทีลองเปลี่ยนบรรยากาศวิธีการเดินทาง วิธีเที่ยวดูบ้าง ก็น่าสนใจใช่เล่น วันนี้เราเลยว่าจะมาแนะนำการนั่งรถไฟไปลาว ลองมาดูคร่าว ๆ หน่อยสิว่า ต้องเตรียมอะไร เส้นทางยังไง เอาไว้พอเป็นไกด์ แล้วไว้มีวันหยุดมาเที่ยวกัน นั่งรถไฟไปลาว
การซื้อตั๋วมี 3 แบบ คือ
- ซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์www.dticket.railway.co.th
- ซื้อผ่านคอลเซ็นเตอร์ 1690
- ซื้อที่หน้าเคาน์เตอร์ขายตั๋วที่สถานี (ไม่แนะนำให้ใช้ช่องทางนี้เพราะตั๋วเต็มเร็ว โอกาสที่จะได้ตั๋วชั้น 1 น้อยมาก)
นั่งรถไฟไปลาว ควรเลือกนั่งแบบไหนดี
เพราะเป็นเส้นทางรถไฟระยะไกล ซึ่งใช้เวลาเดินทาง 8-12 ชั่วโมง แนะนำว่าควรเดินทางช่วงกลางคืน เพื่อที่ว่าจะได้ไปถึงหนองคายในช่วงเช้า โดยรถไฟมีให้เลือกทั้งรถไฟนอนแบบแอร์ รถไฟพัดลมแบบปกติ ไปจนถึงรถไฟนอนชั้น 1 ซึ่งราคาตั๋วรถไฟก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับขบวน ตู้โดยสาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ได้รับ โดยสามารถเช็กตารางเดินรถไฟได้ที่เว็บไซต์ railway.co.th
เดินทางจากสถานีรถไฟหนองคาย-ลาว
สำหรับการเดินทางจากหนองคาย-ลาว สามารถเลือกเดินทางได้ทั้งรถบัสและรถไฟ คือ
สำหรับการเดินทางด้วยรถบัส
จากหน้าสถานีรถไฟหนองคาย สามารถนั่งรถรับจ้างไปทำเรื่องผ่านด่านโดยการยื่น ตม. ฝั่งไทยที่ด่านพรมแดน จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่ขายในส่วนของตั๋วรถบัสสำหรับเดินทางข้ามไปยังฝั่งลาวต่อไป โดยรถจะออกทุก 10-15 นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที มาถึง บ้านท่านาแล้ง เวียงจันทน์ หลังจากผ่าน ตม. ฝั่งลาว ก็สามารถนั่งรถต่อไปยังตัวเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งมีรถรับจ้างคอยให้บริการอยู่เยอะมาก ๆ
สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟ
นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางด้วยรถไฟไปยังปลายทางท่านาแล้ง (จะมีเจ้าหน้าที่ ตม. ประจำที่สถานีรถไฟ และทำเรื่อง) มีรถไฟข้ามไปลาว 2 เที่ยว คือเช้ากับบ่าย เมื่อไปถึงสถานีท่านาแล้ง (เที่ยวแรกตั้งแต่เวลา 10.00 น. และเที่ยวที่สอง เวลา 17.30 น.) โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที เมื่อไปถึงสถานีท่านาแล้งก็จะมีรถเหมาเข้าตัวเมืองเวียงจันทน์ ซึ่งสถานีท่านาแล้งอยู่ห่างจากเวียงจันทน์ไปประมาณ 12 กิโลเมตร
ทั้งนี้ การเดินทางข้ามฝั่งไม่ต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนและผลตรวจ ATK ทั้งขาไปฝั่งลาวและตอนกลับเข้าไทยอีกต่อไป ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้เอกสารเป็นหนังสือเดินทาง (Passport) สามารถเดินทางได้ทั่วทั้งประเทศลาว และอยู่ได้ 30 วัน โดยไม่ต้องมีวีซ่า โดยทำเรื่องที่ด่าน ตม. ทั่งจากฝั่งไทยและฝั่งลาวเพื่อลงตราประทับ
ทั้งรถบัสและรถไฟจะใช้เส้นทาง “สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1” เป็นสะพานร่วมระหว่างรถไฟ-รถยนต์ โดยทางรถไฟจะอยู่ตรงกลางสะพาน เมื่อรถไฟใกล้มาถึงจะมีการปิดการจราจรบนสะพาน คราวนี้ก็อยู่ที่ว่านักท่องเที่ยวสะดวกและชอบแบบไหน ยังไงก็ลองกะเวลากันให้ดี ๆ
ที่เที่ยวเวียงจันทน์
เมืองเวียงจันทน์ เป็นอีกเมืองท่องเที่ยวของประเทศลาวที่น่าสนใจ สามารถเดินทางไปเที่ยวได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน อีกทั้งคนลาวสามารถพูดภาษาไทยได้ จึงไม่ต้องกังวลเวลาหลงทาง อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ เช่น ประตูชัย พระธาตุหลวง หอพระแก้ว วัดสีสะเกด เป็นต้น บางคนที่อยากเน้นความสะดวกมักนิยมเหมารถพร้อมคนขับ ซึ่งคนขับรถชนิดต่าง ๆ มักมาเสนอตัวกันหลายคน บางคนก็ให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์เหมือนเป็นไกด์ไปในตัว หรือใครที่ถนัดเที่ยวเองก็ทำได้ง่าย ๆ เช่นกัน หลากหลายกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวจะได้ทำในเวียงจันทน์ ทั้งไหว้พระ หาของกินอร่อย ๆ ถ่ายรูปศาสนสถานต่าง ๆ เรียกได้ว่าเวียงจันทน์เป็นอีกหนึ่งเมืองเล็ก ๆ ที่พร้อมรอต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยไมตรีจิตเสมอ
10 ที่เที่ยวเวียงจันทน์ แหล่งท่องเที่ยวใกล้ไทย เที่ยวเองได้ ไม่ยุ่งยาก
นั่งรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน
ช่วงหลังมานี้เรามักจะได้ยินเกี่ยวกับรีวิวนั่งรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน อยู่บ่อย ๆ ซึ่งจากสถานีรถไฟเวียงจันทน์เรายังสามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงต่อไปยังหลวงพระบางได้อีกด้วย โดยรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน มีจำนวน 32 สถานี แต่ในปัจจุบันเปิดให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสารในฝั่งลาวแล้ว 6 สถานี ได้แก่ บ่อเต็น เมืองไซ หลวงพระบาง วังเวียง โพนโฮง และนครหลวงเวียงจันทน์
ข้อแนะนำสำหรับการนั่งรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน
- การจองรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน ต้องทำการวอล์กอินไปจองที่สถานีรถไฟเท่านั้น ไม่สามารถจองตั๋วออนไลน์ได้ และสามารถจองได้ล่วงหน้าเพียง 3 วัน ก่อนการเดินทาง ไม่แนะนำให้จองออนไลน์ เพราะระบบยังไม่เสถียร และอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย
- เนื่องจากระบบยังไม่เสถียร บางคนก็เลือกที่จะใช้บริการรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน ผ่านเอเจนซี่ทัวร์ เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว
- รถไฟความเร็วสูงลาว-จีน มีที่นั่งให้เลือก 3 แบบ คือ ชั้นธุรกิจ (Business Class), ชั้น 1 (First Class) และชั้น 2 (Second Class) ซึ่งราคาก็แตกต่างกันไป
- ผู้โดยสาร 1 คน สามารถซื้อตั๋วได้สูงสุด 3 ใบเท่านั้น หากต้องการเดินทาง 4 คน จะต้องมีคนซื้อตั๋ว 2 คน
- เอกสารที่ต้องเตรียมในการไปซื้อตั๋วรถไฟ คือ พาสปอร์ต โดยพาสปอร์ต 1 เล่ม จะซื้อตั๋วได้ไม่เกิน 3 ใบ
- สำหรับสิ่งของต้องห้ามในการขึ้นรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน มีเหมือนการเดินทางด้วยเครื่องบิน เช่น ไม่พกของเหลวเกิน 100 มิลลิลิตร, ห้ามพกอาวุธ ของมีคม หรือขวดน้ำเปล่า (อนุญาตให้เปิดขวดแล้วเท่านั้น ที่ไม่ยังไม่เปิดไม่อนุญาตให้นำขึ้น) เป็นต้น
- ควรไปก่อนเวลาที่รถไฟจะออกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง และประตูรถไฟปิดก่อนเวลาเดินทาง 7 นาที แนะนำว่าให้เผื่อเวลาดี ๆ
- ดูข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊ก Laos – China Railway Company Limited
หมายเหตุ 3 สถานียอดฮิต คือ เวียงจันทน์ วังเวียง และหลวงพระบาง การจองตั๋วนั้นสามารถจองได้ที่สถานีรถไฟ แต่สถานีรถไฟค่อนข้างอยู่ไกลจากตัวเมืองมาก ๆ ดังนั้นนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องวางแผนการเดินทาง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการขึ้นรถเพื่อไปยังสถานี ถ้ามาเยอะคน อย่างน้อยก็แชร์ค่าใช้จ่ายร่วมกันได้ แต่ถ้ามาสองคนหรือคนเดียว ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อาจเป็นสองเท่า ยังไงลองชั่งน้ำหนักให้ดี ๆ
จะว่าไปการเดินทางนั่งรถไฟไปเที่ยวลาว ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลายคนน่าจะอยากสัมผัส ใครที่มีวันหยุดยาว ๆ แล้วอยากจัดทริปเที่ยวลาวในมุมนี้ดู เห็นทีว่าน่าจะเรียกสีสันความสนุกได้ไม่น้อยเลย ^ ^
หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง
บทความ ที่เที่ยวลาว เวียงจันทน์ วังเวียง หลวงพระบาง อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
+++ แนะนำ 20 ที่เที่ยวลาว แลนด์มาร์กเด็ดที่ควรไปเช็กอิน
+++ 10 ที่เที่ยวเวียงจันทน์ แหล่งท่องเที่ยวใกล้ไทย เที่ยวเองได้ ไม่ยุ่งยาก
+++ 10 กิจกรรมเด็ดที่วังเวียง มือใหม่ตะลุยเที่ยวลาวห้ามพลาด
+++ เที่ยวหลวงพระบาง 3 วัน 2 คืน นอนสบาย เที่ยวฟิน บินสะดวก เก็บครบทุกจุดเช็กอินเด่น
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : เว็บไซต์ railway.co.th, เฟซบุ๊ก Laos – China Railway Company Limited